Celebration that caused 100 million deaths from pandemic in 1918 การเฉลิมฉลองที่ทำให้คนตายและติดเชื้อโรคระบาดจำนวนกว่าร้อยล้านคน

avatar
วันนี้เห็นข่าวในประเทศทั่วโลกที่ได้รับวัคซีนจากบริษัทต่างๆ และเริ่มทยอยฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนของตนเองที่จัดลำดับตามความสำคัญและความเสี่ยง กลุ่มประเทศที่มีการเริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชากรอย่างคึกคักก็คงจะเป็นกลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป ซึ่งมีอัตราผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้นในแต่ละวัน หรือแม้กระทั่งประเทศอาร์เจนตินาก็พึ่งจะได้รับวัคซีนโควิด-19 จากประเทศรัสเซีย ไม่ทันไรในเมืองไทยก็มีข่าวของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เปิดรับจองวัคซีนโควิด-19 และก็ต้องบอกว่าในประเทศไทยยังไม่มีการรับรองวัคซีนโควิด-19 จากคณะกรรมการอาหารและยาของประเทศไทย หรืออนุญาตให้สถานพยาบาลสามารถดำเนินการฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้อย่างใด


สรุปทางหน่วยงานที่กำกับดูแลก็ทำการลงโทษตามกฎหมายส่วนค่าปรับหรือบทลงโทษน้อยๆ มาก สำหรับการกระทำการเชิญชวนหรือโฆษณาชวนเชื่อ แค่ปรับเงิน 20000 บาท และเพิ่มค่าปรับสำหรับจำนวนวันละ 10000 บาทจนกว่าจะหยุดทำการโฆษณา แต่ผลความเสียหายที่เกิดขึ้นอาจจะมีมากกว่านี้ แบบนี้ต้องให้สังคมลงโทษอย่างหนักสำหรับโรงพยาบาลเอกชนที่ไม่มีความรับผิดชอบในลักษณะนี้ ส่วนวันนี้ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ก็มีเป็นหลักครึ่งร้อยที่มาจากกลุ่มผู้ไปเล่นการพนันในจังหวัดระยอง งงเหมือนกันว่าตำรวจบอกไม่มีบ่อนการพนัน

สำหรับอีกไม่กี่วันก็จะสิ้นปีเข้าสู่ปีใหม่ เป็นเรื่องธรรมดาที่หลายคนที่ต่างอยากจะเฉลิมฉลองปีใหม่ โดยเฉพาะคนไทยที่ไม่ว่าจะเป็นช่วงไหนของปี ไม่ว่าจะทุกข์หรือสุข ร่ำรวยหรือยากจนขัดสนเรื่องเงิน ต่างก็ชื่นชอบการเฉลิมฉลองสังค์สรรค์ในเทศกาลต่างๆ แต่ก็อยากให้ทุกคนตะหนักมากขึ้นว่า ในขณะนี้โรคโควิด-19 กำลังแพร่ระบาดอยู่ทั่วโลก และช่วงนี้ก็มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน หลายพื้นที่หลายจังหวัดต่างมีความเสี่ยง ก็เลยอยากจะยกเอาตัวอย่างของการระบาดของโรคที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตเป็นหลักหลายร้อยล้านคน สำหรับโรคระบาดที่ว่าคือโรคไข้หวัดสเปน ส่วนประเทศสเปนนั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเชื้อโรคแต่อย่างใด แต่เนื่องจากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ทหารที่ออกรบมีการติดเชื้อโรคเป็นจำนวนมากละเสียชีวิตหลังจากกลับสมรภูมิ แต่ในประเทศเสปนไม่ได้มีการปิดข่าวในเรื่องนี้และสื่อต่างพากันเผยแพร่ข้อมูลของการติดเชื้อจนทำให้ดูเหมือนว่าประเทศสเปนเป็นต้นตอของโรคนี้

หลายประเทศได้ออกมาตรการล็อกดาวน์ ปิดสถานที่กิจการหลายแห่ง รวมถึงไม่อนุญาตให้มีการรวมตัวกันจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ โดยเฉพาะบรรยากาศแบบส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งปกติจะมีการจัดงานเฉลิมฉลองกันอย่างเต็มที แต่ปีนี้เป็นปีที่แตกต่างจากปีอื่นๆ ดังนั้นเราคงจะได้เห็นการจัดงานปีใหม่ทั่วโลกที่ซบเซา ไม่คึกคัก บางที่ก็ต้องงดจัดกันไปเลย

สถานการณ์วิกฤตแบบนี้ ไม่ใช่ว่าในอดีตเราจะไม่เคยเจอมาก่อน เพราะการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่า ค.ศ.1918 ต้อนรับปีใหม่ ค.ศ.1919 ก็เป็นการเฉลิมฉลองปีใหม่ที่ซบเซาเช่นกัน เนื่องด้วยมีการแพร่ระบาดของไข้หวัด ซึ่งกว่าจะซาลงไป มันก็สร้างความเสียหายให้กับมวลมนุษยชาติเพราะมีคนติดโรคนี้กว่า 500 ล้านคน เสียชีวิตประมาณ 50-100 ล้านคน เรียกได้ว่าเป็นการแพร่ระบาดที่รุนแรงอย่างมาก ภายใต้เทคโนโลยีการแพทย์ที่ยังไม่ทันสมัยเหมือนปัจจุบัน

Source: ถอดบทเรียน ‘โรคระบาด ปี ค.ศ.1918’ เมื่อความประมาททำให้การเฉลิมฉลองปีใหม่ต้องถูกยกเลิก:www.thematter.co

ซึ่งในปีเดียวกันที่มีการระบาดของโรคไข้หวัดเสปน ก็คือปี 1918 เป็นปีที่มีการยุติสงครามโลกครั้งที่ 1 ในช่วงเดือนพฤศจิกายนจะเข้าสู่ช่วงเทศกาลคริสมาสและเข้าสู่ช่วงปีใหม่ ในหลายประเทศที่ชนะสงครามและมีการส่งทหารเข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ต่างมีการจัดพิธีเฉลิมฉลอง ขบวนพาเหรดต้อนรับทหารและเชิดชูเกียรติ แต่ถึงจะมีการออกมาเตือนถึงการระบาด แต่การยุติสงครามการออกมาเจอกันแสดงความยินดีถือว่าเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากกว่าการระบาดของโลก ในประเทศอังกฤษที่มีการเฉลิมฉลองการชนะและยุติสงครามโลกครั้งที่ 1 มีคนติดโรคและป่วยด้วยไข้หวัดสเปนมีจำนวน 1 ใน 4 ของคนในประเทศอังกฤษ และอีกกว่า 10 ล้านคนที่เสียชีวิต และมีอีกหลายประเทศที่มีทหารเข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ทหารเดินทางกลับบ้านพร้อมนำเชื้อโรคไข้หวัดสเปนไปแพร่สู่ครอบครัวและคนใกล้ชิด ทำให้ในช่วงต้นปี 1919 มีประชากรทั่วโลกจำนวน 1 ใน 3 ที่เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดสเปน สำหรับรายละเอียดสามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ >>>>ถอดบทเรียน ‘โรคระบาด ปี ค.ศ.1918’ เมื่อความประมาททำให้การเฉลิมฉลองปีใหม่ต้องถูกยกเลิก:www.thematter.co เราแค่สรุปให้อ่าน แต่ถ้าได้อ่านเรื่องเต็มน่าสนใจมากๆ

สำหรับใครที่คิดจะเฉลิมฉลองในช่วงปีใหม่ ควรจะคิดให้ดีมีการป้องกันและระมัดระวังการติดเชื้อโรค ควรจะมีความรู้สึกรับผิดดชอบต่อสังคมและส่วนรวมสำหรับกิจกรรมหรือการสังสรรค์ใดๆ ที่จะจัดขึ้น เพราะประวัติศาสตร์ก็มีตัวอย่างแสดงไว้ให้เห็นแล้วเมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว



0
0
0.000
5 comments
avatar

The Spanish flu pandemic of 1918, the deadliest in history, infected an estimated 500 million people worldwide—about one-third of the planet’s population—and killed an estimated 20 million to 50 million victims, including some 675,000 Americans. The 1918 flu was first observed in Europe, the United States and parts of Asia before swiftly spreading around the world. At the time, there were no effective drugs or vaccines to treat this killer flu strain. Citizens were ordered to wear masks, schools, theaters and businesses were shuttered and bodies piled up in makeshift morgues before the virus ended its deadly global march.

Source: Spanish Flu by HISTORY.COM EDITORS


0
0
0.000